คุณคิดว่า ตัวเองกินให้ห่างโรคแล้วหรือยัง “ท้องผูก” เป็นหนึ่งในอาการน่าเป็นห่วงที่มีสาเหตุมาจากการ รับประทานอาหารกากใยน้อย ซึ่งเจ้าอาการที่ว่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศโลกตะวันตก ที่ประชากรเกือบทุกคนประสบปัญหาท้องผูกอย่างถ้วนหน้า
แต่ยังไม่มีใครให้ความสนใจกับอาการนี้กันอย่างจริงจัง หากมีอาการท้องผูกบ่อยๆ ก็จัดได้ว่าเป็นโรคภัยชนิดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามไป เพราะบางท่านอาจคิดว่าการขับถ่ายอุจจาระเป็นประจำไม่ใช่สิ่งจำเป็น คิดว่าการไม่ได้ถ่ายนานๆ 3-4 วัน ก็ไม่มีอันตรายใดๆ แต่ความจริงแล้ว การรับประทานอาหารทุกวัน ร่างกายก็จะมีการย่อยอยู่ทุกวัน ดังนั้น เราก็ควรขับถ่ายให้ได้ทุกวันด้วยเช่นกัน
อาการท้องผูกสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ การอั้นอุจจาระเป็นประจำ การใช้ชีวิตแบบเฉื่อยแฉะ ขาดการออกกำลังกาย รับประทานน้ำน้อยเกินไปในแต่ละวัน ความเครียด ข้อนี้ค่อนข้างแปลก เนื่องจากในบางคนความเครียดทำให้ท้องเสียได้เช่นกัน รับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารน้อยเกินไป
ลำไส้ใหญ่ของเราเป็นอวัยวะส่วนที่จะเก็บอุจจาระไว้ ซึ่งจะดูดซับสารเคมีหลายชนิดที่ปะปนอยู่ในอุจจาระ บางชนิดอาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ ยิ่งปล่อยให้อุจจาระหมักหมมในลำไส้ใหญ่นานเท่าใด โอกาสที่จะเกิดเป็นอันตรายก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
อีกทั้งอุจจาระของเสียเหล่านี้ยังเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่อาศัยอยู่ในลำไส้ ทำให้มีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึงการเพิ่มปริมาณของสารพิษ ของเสีย อันจะทำให้เกิดอาการอึดอัด แน่นท้อง อ่อนแอ เจ็บป่วย หรือเกิดโรค ริดสีดวงทวาร และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
การรักษาโรคท้องผูกส่วนใหญ่แล้วคนที่มีปัญหาก็มักจะรักษาอาการด้วยตัวเองเป็นหลัก เริ่มจากการใช้ยาระบาย หรือยาถ่ายในรูป ต่างๆ หากใช้เป็นประจำ และเป็นระยะเวลานาน ก็อาจมีการเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนตัวยาเข้าไปทำลายระบบประสาทที่อยู่บริเวณลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้การบีบตัวของลำไส้ใหญ่เสียไปต้องพึ่งการใช้ยาตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม การทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารมากๆ จำพวกผักผลไม้ ซึ่งนอกจากจะแก้ปัญหาท้องผูกแล้ว ยังมีผลดีต่อการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยควบคุมโรคเบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดสูง และการออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ฝึกการถ่ายให้เป็นนิสัย ก็ช่วยแก้ปัญหาท้องผูกได้
นอกจากเลือกทานให้ถูกหลักแล้ว การจัดท่านั่งเวลาข้าศึกบุกก็ควรทำให้ถูกต้อง นั่นคือ กรณีที่เป็นส้วมชักโครก ควรโค้งตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อให้มีแรงเบ่งมากขึ้น เปลี่ยนทัศนคติเรื่องการถ่ายอุจจาระทุกวัน เพราะท้องผูกขึ้นกับสภาพอุจจาระ
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น